top of page

วิวัฒนาการของสีทาไม้: 5 ยุคสำคัญที่เปลี่ยนวิธีมนุษย์ปกป้องไม้

  • 7 ก.ค.
  • ยาว 1 นาที
A brush applies dark coating on light wood. Gloved hand holds brush. Text reads "SAK WoodWorks" and "ประวัติศาสตร์สารเคลือบผิวไม้".

วิวัฒนาการของสีทาไม้: 5 ยุคสำคัญที่เปลี่ยนวิธีมนุษย์ปกป้องไม้

ไม้ เป็นวัสดุที่มนุษย์ใช้ประโยชน์มาอย่างยาวนาน ทั้งในงานก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ ศิลปะ และของใช้ในชีวิตประจำวัน แต่เพราะไม้มีข้อจำกัดเรื่องความทนทาน สีทาไม้และสารเคลือบไม้จึงถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยปกป้องไม้ให้สวยงามและใช้งานได้นานขึ้น ในบทความนี้เราจะพาคุณย้อนดูพัฒนาการของสีทาไม้และสารเคลือบไม้ ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงเทคโนโลยีล่าสุด


มือเช็ดน้ำมันบนโต๊ะไม้สีอ่อน ขวดน้ำมันอยู่บนพื้นหลัง เน้นพื้นผิวไม้และการขัดถู

ก่อนประวัติศาสตร์ - ยุคโบราณ

มนุษย์ยุคโบราณเริ่มรู้จักใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติเพื่อรักษาสภาพไม้ให้อยู่ได้นานขึ้น ไม่ว่าจะเป็น:

น้ำมันจากธรรมชาติ เช่น น้ำมันลินสีด น้ำมันงา น้ำมันถั่วเหลือง

ขี้ผึ้ง และ ยางไม้ (Resin)

สารเหล่านี้ช่วยป้องกันไม้จากน้ำ ความชื้น แมลง และช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเนื้อไม้


สำหรับสีที่ใช้ตกแต่งในยุคแรก มักเป็นเม็ดสีธรรมชาติ เช่น ดินสี ถ่านไม้บด หรือแร่ธาตุผง นำมาผสมกับน้ำมันเพื่อให้ติดเนื้อไม้ได้ดี ให้สีสันสวยงามและยังคงลวดลายของไม้เอาไว้


มือกำลังทาสีไม้สีส้มด้วยแปรง มีถังสีแดงและน้ำเงินวางอยู่บนโต๊ะไม้ในบรรยากาศที่เรียบง่ายและอุ่นสบาย

ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม (ศตวรรษที่ 18-19)

เมื่อความรู้ทางเคมีเริ่มพัฒนา มนุษย์ก็สามารถคิดค้นสารเคลือบไม้ที่มีคุณสมบัติซับซ้อนขึ้น เช่น:

แล็กเกอร์ (Lacquer) ยางไม้ (Lac resin) จากต้น Urushi (Toxicodendron vernicifluum)

เชลแลค (Shellac) ซึ่งสกัดจากแมลงแลค

วานิช (Varnish) เกิดจากการผสมระหว่างน้ำมันกับเรซิน


ในช่วงนี้ยังมีการค้นพบสีสังเคราะห์อย่าง Aniline dyes ซึ่งเป็นสีย้อมชนิดโมเลกุลเล็ก สามารถละลายในน้ำหรือแอลกอฮอล์ได้ดี ให้สีสดใส ซึมลึก โชว์ลายไม้ได้ชัดเจนมากกว่า Pigment ดั้งเดิม

แต่เนื่องจากยังขาดความทนทานต่อแสงแดด (UV) สีย้อมเหล่านี้จึงต้องมีการเคลือบทับเพิ่มเติมเพื่อช่วยป้องกันการซีดจางและกันน้ำ


ช่วงปลายยุคนี้เอง ยังได้มีการคิดค้นสีทาไม้สูตรน้ำมัน (Oil-based paints) โดยนำน้ำมันลินสีดมาเป็นตัวทำละลายหลัก ช่วยให้ฟิล์มสีทนทานต่อสภาพแวดล้อมดีขึ้น


Paintbrush staining wood with dark varnish, highlighting wood grain. Contrast between stained and natural wood creates a satisfying effect.

ยุคต้นศตวรรษที่ 20 (ค.ศ. 1900-1950)

เข้าสู่ยุคที่สีทาไม้และสีย้อมไม้สูตรน้ำมันได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย


มีการพัฒนาสูตรสีย้อมไม้ Oil-based wood stain โดยใช้ส่วนผสมของน้ำมันลินสีด น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะพร้าว ร่วมกับเรซินและสารกันเชื้อรา (fungicide) ช่วยเพิ่มความสามารถในการป้องกันน้ำ รอยเปื้อน เชื้อรา และความชื้นได้ดีขึ้น


ช่วงนี้ยังเป็นยุคที่มีการคิดค้นวัสดุสำคัญอย่าง โพลียูรีเทน (Polyurethane) แม้ในช่วงแรกจะยังไม่ถูกนำมาใช้ในงานไม้โดยตรง แต่ถูกใช้ในอุตสาหกรรมกาว โฟม และสีอุตสาหกรรม


Bright wooden floor in a cozy living area with brown barstools, cabinets, and a leather armchair. Warm, inviting atmosphere.

ยุคกลางศตวรรษที่ 20 (ค.ศ. 1950-1970)

หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาสารเคลือบไม้ที่แข็งแรงทนทานมากขึ้น


นักวิทยาศาสตร์เริ่มนำ Oil-based Polyurethane มาใช้ในงานไม้ เช่น พื้นไม้ เฟอร์นิเจอร์ และงานตกแต่งภายใน เพราะมีคุณสมบัติทนต่อรอยขีดข่วน ทนน้ำ ทนความร้อน และสารเคมีได้ดีกว่าสารเคลือบไม้เดิม


วงการเคมีสังเคราะห์ยังพัฒนาสูตรสีทั้ง สูตรน้ำมัน (Solvent-based) และ สูตรน้ำ (Water-based) ที่ไม่มีกลิ่นฉุน ปลอดภัย ลด VOC (สารระเหยที่เป็นมลพิษ) พร้อมใส่สารกัน UV เพื่อช่วยชะลอการซีดจางของสี


ในวงการก่อสร้างและเฟอร์นิเจอร์ เริ่มนิยมใช้ Clear wood finish หรือสารเคลือบโปร่งใส เพื่อโชว์ความสวยงามของลายไม้ธรรมชาติ


Hand holding a brush, applying varnish to a light wooden surface. Background shows blurred greenery. Close-up with visible brush strokes.

ยุคสมัยใหม่ (ค.ศ. 1970 - ปัจจุบัน)

เทคโนโลยีด้านสารเคลือบไม้พัฒนาก้าวกระโดด โดยเน้นเรื่องความปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

เกิดสูตร Water-based Polyurethane ลดการปล่อย VOC และปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน


พัฒนาสีทาไม้และสีย้อมไม้สูตร Acrylic water-based ซึ่งแห้งเร็ว ไม่เป็นพิษ และมีคุณสมบัติป้องกัน UV เชื้อรา ปลวก และความชื้นในตัวสีโดยตรง


มีการคิดค้นสูตรใหม่ๆ เช่น:

Hybrid Coating ผสมข้อดีของสูตรน้ำและสูตรน้ำมัน

Nano Coating ฟิล์มบางแต่มีความแข็งแรงและทนทานสูง

Self-healing Coating สารเคลือบผิวที่สามารถซ่อมแซมรอยขีดข่วนเล็กๆ ได้ด้วยตัวเอง

bottom of page